หน้าแรก
Home
รายการลงประกาศ
Items List
ร้านสมาชิก
Shops
บัตรรับรองพระแท้
Guarantee
บทความ
Article
ติดต่อเรา
Contact
ร้านค้า / Shop
User Name
Password
LOGIN
สมัครสมาชิก / Register
ลืมรหัสผ่าน / Forget Password
ค้นหาร้านค้า / Search Shop
Email address
SEARCH
ค้นหาเครื่องราง / Search Item
Email address
SEARCH
SEARCH
ตามรอยตำนานเครื่องรางล้านนา
ตำนานเครื่องราง อ.วิลักษณ์ ศรีป่าซาง
เครื่องรางล้านนา โดย ตั้ม เชียงใหม่
ผ้ายันต์ม้าเสพนางโดย..ต๊อก เมืองเหนือ
โชว์เครื่องล้านนา
โชว์เครื่องรางล้านนา
โชว์เครื่องรางทั่วไปไม่จำกัดสำนัก
โชว์แอนติก-ของสะสม
เครื่องพระเครื่อง-พระบูชา-เกจิ ไม่จำกัดสำนัก
โชว์พระเครื่องล้านนา-เกจิอาจารย์ล้านา
โชว์พระเครื่องทั่วไป-เกจิอาจารย์ทั่วไป
โชว์พระบูชา-พระกรุทั่วไป
Article ทั้วไป
ข่าวสารจากเวปล้านนาอมูเลท
ขั้นตอนออกใบการันตี
บัญชีดำ
พูดคุยทั่วไป
รู้ทันงานเก้-งานผีมือ
ศูนย์บัตรรับรองเครื่องรางล้านนาแท้ lannaamulet.net
ติดตามพัสดุ
แบนเนอร์โฆษณา
๙๙๙ ''จักรพรรดิเครื่องรางล้านนา'' ห้อยคู่ ''เมฆสิทธิ์แห่งล้านนา'' (องค์คู่มหาเฮงแห่งล้านนา) ๙๙๙
เจ้าของสินค้า :
ก้าว เชียงใหม่
0910679418
kaochiangmai123
https://www.facebook
๙๙๙ ''จักรพรรดิเครื่องรางล้านนา'' ห้อยคู่ ''เมฆสิทธิ์แห่งล้านนา'' (องค์คู่มหาเฮงแห่งล้านนา) ๙๙๙
ราคา :
ติดต่อร้าน
รายละเอียด :
เบญจภาคีเครื่องรางยอดนิยมอันดับหนึ่งแห่งแดนล้านนา สมญานาม..., "จักรพรรดิเครื่องรางล้านนา"
๙๙๙ พระราหูกะลาแกะ สุริยันจันทรา ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ จ.ลำปาง "องค์ดวงเจริญ" ๙๙๙
ศิลป์หน้าแมว ลงรักชาดทองเก่า (ลายมือจารครูบานันตานิยม) ได้ "คู่เล็ก" เท่าวงช้อนโต๊ะ เลี่ยมทองผ่าหวายลงยาประกบคู่ทรงคุณค่าเครื่องรางล้านนา ชั่วโมงนี้กะลาครูบานันตาหาชมยากสุดๆ ครับ
ที่มาของ "องค์ดวงเจริญ" (ขออนุญาตตั้งตามชื่อ "พี่เจริญ สถาพร" เพื่อให้เป็นเกียรติแก่เจ้าของเดิมและชื่อนามอันเป็นมงคล)
ตามประวัติของ ราหูกะลาคู่เล็กศิลป์หน้าแมวนี้ ข้อมูลจากพ่อหนานเม็ด ศิษย์ฆราวาสของครูบานันตาได้กล่าวไว้ว่า สร้างเพียง 9 คู่ครับ (ขอขอบคุณข้อมูล : คุณเจ ลำปาง มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ)
ในปัจจุบันนี้นักนิยมสะสมเครื่องรางของขลัง หรือ บุคคลทั่วไป รวมทั้งเจ้าของกิจการธุรกิจต่างๆ ได้ให้ความสนใจใน กะลาตาเดียวแกะรูปพระราหู ของ ท่านครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ จ.ลำปาง กันอย่างกว้างขวาง โดยได้รับการยกย่องว่าเป็น เทพเจ้าแห่งเครื่องรางของขลัง ของ อาณาจักรล้านนาไทย หรือ เรียกอีกอย่างว่าจักรพรรดิแห่งเครื่องรางล้านนาเมืองเหนือ ก็ว่าได้ เพราะมีความเชื่อที่ว่า จะสามารถทำให้ประสบความสุข ความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรือง ความปลอดภัย และความมีโชคลาภ ได้ด้วย ซึ่งไม่ใช่จะเกิดแต่เฉพาะกับตัวเองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงครอบครัว ร้านค้า และที่อยู่อาศัยอีกด้วย
ซึ่งตรงกับคำโบราณที่ว่า "ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข การค้าการขายเจริญรุ่งเรือง พบพานแต่สิ่งดี แคล้วคลาดปลอดภัย รอดพ้นจากสิ่งเลวร้าย ทั้งหลายทั้งปวง เฉกเช่นนั้นแล" ทั้งหมดนี้...นับเป็นความศรัทธาเชื่อถือ ที่น่าศึกษา และน่าสนใจเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง
พระราหูกะลาตาเดียว ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ จ.ลำปาง สร้างเป็น 2 ฝาประกบกัน คือ"พระราหูอมจันทร์" อันหนึ่ง และ "พระราหูอมพระอาทิตย์" การบูชาราหูกลางวัน (ฝาสุริยะปะภา) จะทำให้เกิดพุทธคุณคุ้มกันภัยอันตรายต่างๆ กันคุณไสย เสริมอำนาจบารมีให้แก่ตัวเอง ช่วยหนุนดวงเสริมดวงดีนักแล บูชาพระราหูกลางคืน (ฝาจันทรปะภา) จะทำให้มีเสน่ห์ เมตตามหานิยม เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ง่ายดาย ทำให้ผู้ที่พบปะเมตตาเอ็ดดูรักใคร่ ให้มีโชคลาภ ร่ำรวยเงินทอง ถ้าบูชาดาวราหูทั้ง 2 ยันต์รวมกัน จะดีครบทุกอย่าง จะนำความเจริญรุ่งเรื่องมาสู่ตัเองตลอดกาล ขออะไรก็ได้หมด บ่ อด บ่ อยาก กินบ่เสี้ยง (กินไม่หมด) จึงมีความเชื่อสืบต่อกันมาว่าให้ผู้บูชาพระราหู ครูบานันตา ให้เขียนชื่อ วันเดือนปีเกิด พร้อมทั้งคำอธิฐานอันเป็นมงคลต่อดวงชะตาชีวิต ของผู้ที่บูชา แล้วนำไปใส่ไว้ในช่องว่างของราหูทั้งสองฝา (ฝาจันทรปภา และฝาสุริยปภา) เพื่อเป็นการเสริมดวง หนุนดวงชะตา แก้ดวงตก แก้ปีชง ของผู้บูชาให้ดียิ่งๆขึ้นไป ทั้งนี้เปรี ยบเสมือนการฝากดวงไว้ที่องค์พระราหู คือ ให้ลาภ เห็นผล ทั้งกลางวัน และกลางคืน สรุปได้ว่า ดวงดี ราศีบังเกิด หนุนดวง ค้ำชูดวงชะตาชีวิต ไม่ให้ตกต่ำ ทุกค่ำเช้า ตลอดเวลาทุกทิวาราตรีกาล
ท่านครูบานันตาได้เริ่มสร้าง พระราหูกะลาตาเดียว มาตั้งแต่เมื่อไร ไม่ได้มีการจดบันทึกเอาไว้ เพียงแต่รู้จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ สืบต่อกันมาว่า ท่านครูบานันตา ได้สร้างพระราหูกะลาตาเดียว มานานแล้ว (จากประสบการณ์ผู้เขียนที่เคยได้ ราหูของท่านบางชิ้น จะมีลงจารระบุวันเดือนปี ไว้ที่ใต้ยันต์ตาราง คือ ปี 2456 ผมสันนิษฐานว่านี่คือกะลายุคต้นๆ ปัจจุบันก็ร่วมร้อยปี )
๙๙๙ ปรอทกินทอง หลวงพ่อศรีอ่อง วัดบรรพตสถิตย์ จ.ลำปาง ๙๙๙
เม็ดนี้ยุคต้น ได้เม็ดขนาดใหญ่ ผ่าศูนย์กลาง 1 cm. ใต้ก้นลงจารเหล็กกำกับ เลี่ยมทองลงยาสามห่วงพร้อมใช้ครับ
ลักษณะเฉพาะของปรอทกินทองหลวงพ่อศรีอ่อง จะเป็นทรงกลมผ่าครึ่งครับ ถ้าเจอกลมๆ ทั้งลูก คือ สองชิ้นหันหน้าประกบเอาด้านกลมออกแล้วเลี่ยม (ได้จากลูกศิษย์พม่าที่ยืนยันไว้ว่าได้รับแจกจากหลวงพ่อศรีอ่องที่พม่า) ส่วนที่เป็นเม็ดกลมนูนต่ำ (นึกถึงทรงขนมโดรายากิของโดเรม่อน) อันนั้นเป็น "ปรอทเล่นแร่แปรธาตุ" ของสายพม่าครับ ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำหรับต้นกำเนิดแห่งวิชาสายนี้ ปรอทกินทองก็เป็นปรอทในศาสตร์วิชาเล่นแร่แปรธาตุของพม่า คำว่าปรอทกินทอง เป็นชื่อเรียกที่เมื่อ หลวงพ่อศรีอ่องไปเรียนวิชานี้แล้วนำกลับมาทำในล้านนา จนปรอทกินทองโด่งดังและและที่รู้จักแพร่หลายมาจนปัจจุบัน
ประวัติความเป็นมา สมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ท่านได้สร้างเครื่องรางไว้ตามตำราปรอทสำเร็จของพม่า(จากการค้นคว้าสอบถามประวัติกับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันให้ข้อมูลกับผม(เชน เชียงใหม่) ว่า โยมพ่อของหลวงพ่อศรีอ่องมี เชื้อสายพม่า ส่วนทางโยมแม่มีเชื้อเจ้าทางเจ้านาย ฝ่ายเหนือ นามสกุล เชื้อเจ็ดตน
หลวงพ่อศรีอ่องท่านเริ่มทำปรอทกินเงิน และ ปรอทกินทอง ตั้งแต่สมัยจำพรรษาที่วัดเอี่ยมวรนุช มีอยู่สองชนิดคือ ปรอทกินเงินและปรอทกินทอง ท่านจะนำปรอทไปแช่ในพิษหลากชนิดแล้วจึงเสกให้ปรอทฆ่าพิษตามตำรา จากนั้นนำปรอทที่ได้มาทำพิธีทางไสยเวทย์โบราณ โดยท่านใช้ทองคำล่อให้ปรอทกินทอง(ทองคำแท้)จนอิ่มตัว หากเป็นเงินบริสุทธิ์ก็จะออกมาเป็นปรอทกินเงิน จากนั้นนำไปเททราบจะได้ปรอทในกองทราย แล้วจึงมาแต่งให้เข้ารูป ปรอทกินทองและปรอทกินเงินหรือบางท่านเรียก "ปรอทหัวแหวน"
หลวงพ่อจะสร้างให้ศิษย์ท่ใกล้ชิดและนับถือที่ขอให้ท่านทำให้เท่านั้น มิได้ทำออกให้บูชาแต่อย่างใด จำนวนการสร้างจึงน้อยมาก เนื่องจากผู้ที่อยากได้ต้องเตรียมการอย่างถูกต้องตามตำราและที่สำคัญคือต้องใช้ต้นทุนในการจัดหาทองคำแท้หรือเงินบริสุทธิ์มาเอง
ประสบการณ์ เรื่องของศิษย์ท่านที่ปัจจุบันมีชีวิตอยู่เล่าว่า การสร้างต้องตั้งมณฑลพิธี มีพิธีบูขาครู เทพยดาเจ้าป่าเจ้าเขา และห้ามเข้าในเขตมณฑลพิธีอย่างเด็ดขาด การสร้างจะทำช่วงเช้า เวลา 9.09 น. จนถึงบ่ายกว่าๆ จึงหยุดโดยท่านจะบริกรรมคาถาตลอดเวลาที่ทำพิธี เคยมีสตรีผู้หนึ่งไม่รู้ว่าท่านทำปรอทอยู่ เข้ามาในเขตมณฑลพิธี เตาหลอมถึงกับระเบิด ปรอทและทองที่กำลังล่อหายไปสิ้น
เท่าที่ทราบไม่ปรากฎว่ามีเกจิท่านใดมีการสร้างปรอทในลักษณะเดียวกันนี้ ผู้รู้จึงแสวงหากัน นานๆ ครั้งจึงออกมาให้เห็น แม้ในพื้นที่ก็ใช่ว่าจะออกมาให้เห็นได้บ่อยนัก ส่วนใหญ่จะเห็นผู้รู้บางท่านนำติดตัวทำหัวแหวนเพราะขนาดพอเหมาะ พุทธคุณ สามารถช่วยขับพิษต่างๆ ที่ร่างกายได้รับ เช่น สัตว์มีพิษเอาปรอทกดที่แผล , กันสิ่งอัปมงคล , เสริมธาตุในร่างกาย , ป้องกันกระดูกหักจากอุบัติเหตุ บางท่านแช่ปรอทในน้ำผึ้งเพื่อรับประทานถือเคล็ดว่าให้ปรอทกินน้ำผึ้งและปล่อยพลังงานออกมาในน้ำผึ้ง ส่วนมากพบการใช้ทองคำเปลวปิดไว้ที่ก้นหัวปรอทซึ่งท่านว่าเป็นการเลี้ยงปรอทโดยใช้แผ่นทองคำเปลวเลี้ยง
อาณุภาพนั้นใช้ได้หลายทางดังนี้
1. ดีทางแคล้วคลาดคงกระพัน ป้องกันกระดูกหัก จากอุบัติเหตุ
2. ป้องกันพวกภูติผีปีศาจและอมนุษย์ อสุรกาย
3. ป้องกันยาพิษต่างๆ
4. ใช้เสริมดวงและอธิษฐานเสี่ยงทายเกี่ยวกับดวง เมื่อใดดวงขึ้น ทองจะสุกใส เมื่อดวงตก ทองจะหมองคล้ำ
5. ขับพิษต่างๆที่ร่างกายได้รับเช่น เมื่อถูกสัตว์มีพิษกัดให้เอาปรอทกินทอง กินเงิน ปิดปากแผลดูดพิษ
6. รักษาและปรับสมดุลย์ธาตุในตัว
คาถากำกับปรอทกินทอง : "จิเจรุนิ กัณหะเนหะ"
สำหรับผู้แขวนกะลาแล้ว ถ้าเป็นสายภาคกลางคงนึกถึง ราหูคู่เมฆสิทธิ์ (ราหูหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง คู่กับ เมฆสิทธิ์หลวงพ่อทับ วัดอนงค์) ถ้าสายล้านนาสิ่งที่เหมาะกับการใช้คู่กะลาราหูล้านนาก็ต้องยกให้ "ปรอทกินทอง" ซึ่งก็เคยถูกให้สมญานามไว้ว่า..., "เมฆสิทธิ์แห่งล้านนา"
:: ขอขอบคุณข้อมูลเขียนโดย พี่เชน เชียงใหม่ ณ ที่นี้ด้วยครับ ::
วันที่ :
ส, 8 ก.ย. 2561, 07:12
ผู้ชม :
2,023
ราย
Copyright Lanna Amulet All right reserved. © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย บริษัท ล้านนา อมูเล็ต จำกัด.