อินทรีย์ธาตุ กะโหลกอาถรรพณ์
วิลักษณ์ ศรีป่าซาง / เรื่อง
ภาพงาม ๆ โดย นันทพัฒน์ สุรสิงห์โตทอง
เดือน 10 ดับเต็ม คือวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนที่นั่งเขียนเรื่องนี้ นี่ก็ปาเข้าไปเกือบ 4 ทุ่มแล้ว
โดยปกติเราจะนอนแต่หัวค่ำ อาจเพราะคืนนี้ฝนหลั่งเหมือนฟ้ารั่ว แม่หละอ่อนว่า สูขึ้นไปดูชั้นบนทีเหอะ ว่าหับป่องปิดหน้าต่างละยัง ฝนสาดซัดซ่า ผ้าเก็บครัวเก็บจะเปียกฝนเสียหมด
เราละจากห้องหนังสือ ขึ้นไปชั้นบนตามคำบัญชา ผ่านห้องเก็บเครื่องรางประดามี วูบหนึ่งเหมือนเห็นเงาเดินลัดผ่าน นี่เป็นกิ่งกาสะลองวิดไหวยามลมวาด เลยพาดเอาแสงไฟข้างนอกมาหลอกตาหรือกระไร
ตรวจความเรียบร้อยแล้วจึงลงมาห้องเขียนหนังสือ เสียงขุบๆ ขาบๆ กุ๊กๆ กั๊กๆ ชวนขนลุก จะกลั้นใจขึ้นไปดูก็กระไรอยู่ ในห้องเครื่องรางมีสิ่งประหลาดๆ หลายอย่างหลายเพลง ให้เห็นและรู้สึกบ่อย ๆ โดยเฉพาะตู้เก็บกะโหลกอาถรรพณ์กองนั้น
คำว่า “กะโหลกอาถรรพณ์” เรียกขานกันในวงการเครื่องราง แรกนั้น
เราพยายามสถาปนาชื่อ เป็น อินทรีย์ธาตุ เพื่อลดความน่ากลัว
คำนี้หมายถึงชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์หรือสัตว์ (คนล้านนาเรียกกะโหลกว่า กะโหล้ง) ในข้อเขียนขอใช้ “อินทรีย์ธาตุ” แทนกะโหลกอาถรรพณ์ ซึ่งหมายถึงสิ่งเดียวกัน อินทรีย์ธาตุ เป็นของมีอาคม เป็นของศักดิ์สิทธิ์ มีประโยชน์ช่องใช้ต่างๆ
เมื่อกล่าวถึงกะโหลกที่นำมาสร้างเป็นเครื่องราง ก็ประหวัดอดคิดถึงปั้นเหน่งแม่นากพระโขนง เพียงแต่อินทรีย์ธาตุมีขนาดโต
กว่า
เท่าที่ค้นในเอกสาร พบภาพอินทรีย์ธาตุในหนังสือวัตถุโบราณของพม่า มีรูปและมีคำบรรยายใต้ภาพว่าเป็น เมดิซีน คัพ (Medicine Cup) เป็นถ้วยยา ส่วนว่าจะเป็นยาอะไรใช้งานอย่างไร หนังสือไม่ได้บอกไว้ สอบถามใครๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้คำตอบต่างกัน เช่น เป็นถ้วยยาสัก ยาแก้ ยารักษา บ้างก็ว่าต้องใช้เขี้ยวเสือเป็นตัวบดยากับกะโหลก จึงจะได้ยาเข้มขลัง
อินทรีย์ธาตุดังกล่าว บางชิ้นตกแต่งด้านนอกเป็นรูปต่างๆ เช่น ปั้นรักเป็นรูปท้าวเวสสุวรรณ เป็นหน้ายักษ์ เป็นนรสิงห์ ผู้รู้ท่านหนึ่งกล่าวว่า คือรูปเพทยาธรเทวาที่คอยปกป้องไม่ให้ผีร้ายมาขโมยฤทธิ์ยา ที่แกะลงในเนื้อแล้วลงรักลงชาดก็มี บางชิ้นทารักอย่างเดียว ลงอักขระงดงาม บางชิ้นลงรักมาแต่เดิม บางชิ้นจารขึ้นที่หลัง เพื่อ “เตื่อมพิษ” หรือเพิ่มพลังฤทธีลงไป ที่เป็นถ้วยเปล่าๆ ไม่มีรูปใดพบบ่อยกว่า ส่วนด้านในที่คล้ายถ้วยนั้น มีร่องรอยการใช้งานบางอย่าง
อินทรีย์ธาตุมาจากฝั่งพม่า บางท่านว่าเป็นของชนเผ่า ชิ้นใดตกแต่งเป็นพิเศษเล่าว่าเป็นของหมอผี สามารถสะกดวิญญาณแรงร้ายได้ เมื่อได้กะโหลกมาแล้ว ตัดให้ได้รูป ถ้าจะแกะหรือพอกรักเป็นรูปต่างๆ การลงอักษระต้องทำในพระอุโบสถ ทำให้เสร็จในหนึ่งชั่วระยะเวลาหนึ่ง (ประมาณ 10 นาที) เกินจากนั้นจะใช้ไม่ได้ เสร็จแล้วนำมาตกแต่งลงรักปิดทองทีหลัง
เล่ากันว่า ถ้าเป็นกะโหลกคน กำหนดเจาะจงเฉพาะคนตายฟ้าผ่า หรือตายโหง ชิ้นที่เป็นกะโหลกคน ผู้สร้างหรือผู้ใช้งานต้องมีอาคมขลัง คือสามารถสะกดวิญญาณได้ เมื่อทำได้สำเร็จก็ใช้งานตามความปรารถนา เช่น เรียกผัวเรียกเมีย ป้องกันภัย เตือนภัย บอกเหตุร้าย ใช้ไปบอกกล่าว อย่างการทวงหนี้ ถ้ามีไว้ประจำเรือนจะทำให้คนในเรือนนั้นอยู่เย็นเป็นสุข ไม่ผิดเถียงกัน หรือเป็นหมอดูทำนายทายทักจะแม่นมาก ส่วนการเลี้ยง ให้ข้าวน้ำโภชนาหารเหมือนจัดให้คนได้กิน
พอจะสรุปเกี่ยวกับอินทรีย์ธาตุได้ ว่า ใช้เป็นถ้วยผสมยาแก้อาถรรพณ์และกันคุณไสยต่างๆ ใช้เป็นเครื่องรางป้องกัน หรือกันภัยร้าย เตือนภัย ฤทธีจะเป็นอย่างไรนั้น มีแต่คนเล่าประสบการณ์ ในข้อเขียนนี้ ขอนำเสนอเฉพาะข้อมูลบางส่วน นักเล่นเครื่องรางบอกว่า “ต้องลอง ถึงจะรู้”